La Chandeleur

เดิมทีเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเทพเจ้าในศาสนาคริสต์ จัดขึ้น วันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี สมัยก่อนจะมีการเดินขบวนโดยมีการถือคบเพลิงและสวดมนตร์ไปพร้อมๆกัน แต่ปัจจุบันไม่มีพิธีการแบบนั้นอีกแล้ว คงเหลือไว้แต่ความเชื่อเรื่องการทำเครปด้วยกรรมวิธีการทำแบบ coup de poêle ภายในวันนี้เพื่อความโชคดีที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งภายในวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการทำเครปสไตล์ฝรั่งเศสให้เห็นตามร้านค้าและศูนย์การค้าทั่วทั้งฝรั่งเศส และคนจะนิยมทานเครปกันมากในช่วงเทศกาลนี้

ถ้าพูดถึงเครปฝรั่งเศสเนื้อนิ่ม โรยหน้าด้วยวิปปิ้งครีมและช็อคโกแลตนูเตลล่าอันแสนอร่อยแล้ว เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเมนูนี้ โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาสายศิลป์ภาษาฝรั่งเศสต้องรู้จักเมนูนี้เป็นอย่างดี เพราะอาจารย์ผู้สอนแต่ละท่านคงไม่พลาดที่จะนำเอาเมนูนี้มาสอนให้นักเรียนได้ทำและลิ้มรสกันภายในชั้นเรียน
แต่จะมีใครบ้างที่รู้ว่า ที่ฝรั่งเศสนั้น เขามีเทศกาลการกินเครปที่ถูกจัดขึ้นทุกๆปี ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ หรือนับหลังจากวันคริสมาสต์เป็นเวลา ๔                ๐ วัน ส่วนชื่อ la Chandeleur นั้นก็มาจากคำว่า la chandelle ที่แปลว่า เทียน นั่นเอง
ที่มาของเทศกาล ลา ชองเดอเลอร์
ถ้าจะกล่าวถึงที่มาของเทศกาลนี้ เราก็ต้องย้อนกันไปในสมัยโรมัน อันเป็นยุคที่เทศกาลดังกล่าวได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่เทพเจ้าปอง (Pan) ในคืนวันเทศกาล ผู้ที่เคารพบูชาเทพเจ้าปองจะพากันถือคบเพลิงและออกเดินเท้าไปทั่วถนนในกรุงโรมทั้งคืน
ในปี ค.ศ. ๔๗๒ โป๊ป หรือประมุขแห่งศาสนาคริสต์ นิกายโรมัน คาทอลิคส์ที่ชื่อ เฌลาสที่หนึ่ง (Gélase 1er) ได้ตัดสินใจนำเทศกาลนี้มาเป็นเทศกาลของศาสนาคริสต์ เพื่อฉลองการปรากฎตัวของพระเยชูในโบสถ์ โดยในคืนวันเทศกาลจะมีการเดินขบวนพร้อมทั้งถือเทียนและสวดมนต์ไปพร้อมๆกัน หลังจากการเดินขบวนเสร็จสิ้น ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวพระเยซูจะเข้าไปในโบสถ์เพื่อนำเทียนศักดิ์สิทธิ์ที่จุดไว้กลับไปยังบ้านของตน โดยในระหว่างทางต้องระวังไม่ให้เทียนดับ โดยเชื่อว่าเทียนดังกล่าวนั้นมีอานุภาพมากมาย เช่น เมื่อหยอดน้ำตาเทียนลงไปบนไข่ ไข่ใบนั้นก็จะฟักออกมาเป็นตัว หรือเมื่อเราจุดเทียนในขณะที่มีพายุ เปลวเทียนนั้นก็จะช่วยป้องกันสายฟ้าผ่า เป็นต้น
ในเวลาเดียวกัน ประเพณีอีกอย่างก็ถือกำเนิดขึ้น
ประเพณีที่ว่านี้ก็คือประเพณีที่เกี่ยวกับเครปนั่นเอง ประเพณีนี้มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องลึกลับที่เชื่อว่าหากเราไม่ทำเครปในวัน ลา ชองเดอเลอร์ ข้าวสาลีที่ปลูกไว้ในปีนั้นจะเป็นโรคและล้มตายจนหมด นอกจากนี้ ในขณะที่ทำเครป เราก็ต้องเคารพความเชื่ออีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นก็คือความเชื่อเกี่ยวกับเหรียญทองคำ กล่าวคือ เวลาทำเครปชิ้นแรก ผู้ทำจะต้องถือกระทะด้วยมือขวาและทำการผลิกหน้าเครป โดยการโยนเครปขึ้นไปในอากาศและให้เครปกลับตัวลงมาบนหน้ากระทะ ในเวลาเดียวกันผู้ทำต้องกำเหรียญทองคำไว้ในมือซ้าย หลังจากนั้น เหรียญทองคำดังกล่าวจะถูกนำไปห่อไว้ในเครป ก่อนที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะช่วยกันถือเข้าไปในห้องพร้อมกับทำการสวดมนต์ และนำไปวางทิ้งไว้บนตู้เสี้อผ้าจนถึงวัน ลา ชองเดอเลอร์ในปีถัดไป เมื่อปีถัดไปมาถึง เราก็จะนำเศษเครปกับเหรียญทองดังกล่าวไปให้แก่คนยากไร้ที่เราพบเป็นคนแรก
หากครอบครัวใดเคารพและทำตามทุกขั้นตอนของประเพณี ครอบครัวดังกล่าวก็จะมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือในปีนั้นๆ ผู้ที่กลับเครปได้โดยไม่ทำให้เครปตกพื้นหรือเมื่อกลับเครปแล้ว เครปไม่ฉีกเละ และคงรูปเป็นแผ่นที่สวยงาม ผู้นั้นก็จะมีความสุขจนถึงวัน ลา ชองเดอเลอร์ในปีถัดไป
ในปัจจุบันนี้ แม้ว่าการถือเทียนเดินขบวนสวดมนต์ และความเชื่อเกี่ยวกับเทียนศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงการให้เครปแก่ผู้ยากจนนั้นได้สูญหายไปแล้ว แต่เราก็ยังคงรักษาประเพณีการทำเครปในวัน ลา ชองเดอเลอร์เอาไว้ เพราะรสชาตที่หอมหวาน และยั่วยวนใจของเครปนั่นเอง

ที่มา :https://icifrenchth.wordpress.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มารยาทในการพูด

โครงงาน ขนมสาคู

Halloween